Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า (คงเดช จาตุรันต์รัศมี, 132 min, 2019)
!SPOILER ALERT!
.
.
.
.
.
เอาจริงๆ ได้ดูหนังนักศึกษาที่นำเสนอเรื่องราวของวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้นที่อยู่สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาจำนวนหนึ่ง แต่ทุกครั้งที่ได้ดูหนังทำนองนี้ก็จะรู้สึกร่วมหรือเห็นอกเห็นใจตัวละครทุกทีแม้ว่าจะได้ดูมาหลายแบบแล้วก็ตาม
ตั้งแต่ชีวิตของผู้ใหญ่ตอนต้นกลางเมืองกรุงอย่างจีนในฮาวทูทิ้ง หรือวัยรุ่นตอนปลายนอกกรุงเทพฯ ซูในแวร์วีบีลอง ต่างก็นำเสนอภาพแทนของชนชั้นของตนเองได้น่าสนใจและเกิดข้อเปรียบเทียบอยู่หลายประการ
จุดร่วมกันระหว่างจีนและซูคือผู้หญิงที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้กำกับที่เป็นเพศชาย อาการที่เพศชายเห็นอกเห็นใจเธอก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจพอๆ กับร่างทรงที่หลอกซูว่านั่นคือแม่ของเธอ เพื่อชักจูงให้เธออยู่เมืองไทยและสืบทอดมรดกบรรพกาลให้อยู่ตราบนานแสนนาน
เพราะผู้กำกับที่สร้างตัวละคร สร้างสายตาจำลองของเพศหญิง สร้างความเห็นอกเห็นใจกับเธอจึงมิได้ต่างจากร่างทรงซึ่งมิอาจเป็นตัวแทนของเจตจำนงของแม่ของซูได้
สิ่งที่น่าสนใจคือหนังนำเสนอให้เห็นว่าแม้คนเยอรมัน หรือคนจากยุปโรป ประเทศที่ฝันที่จะได้ไปใช้ชีวิต หลุดพ้นจากสภาวะที่เธอกลืนไม่เข้าคายออกออกเมื่ออยู่เมืองไทย คนยุโรปก็ตอบเบลว่าเขาก็ไม่กลับไปเยอรมัน มันจึงคล้ายสภาวะที่จีนเจอเหมือนกันว่าแม้เธอจะไปสวีเดน แต่แนวคิดมินิมอลแบบยุโรป (หรือจริงๆก็มีส่วนหนึ่งมาจากเซนของตะวันออก ดังที่เคยได้เขียนไปแล้ว) ก็ไม่อาจนำมาใช้ที่เมืองไทยได้ เพราะตอนสุดท้ายเธอก็ยังต้องโกหกตัวเอง เรื่องพ่อ เรื่องแม่
นี่จึงทำให้นึกถึงสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันที่เป็นการต่อสู้ระหว่างพลังเก่าอนุรักษ์นิยมและพลังคนรุ่นใหม่ที่เสนอนโยบายสาธารณะเพื่อเปลี่ยนประเทศให้เป็นรัฐสวัสดิการ เพราะแม้คนที่มาจากประเทศที่มีสวัสดิการที่ดีเขาก็ยังไม่อยากกลับไปประเทศภูมิลำเนา เขายังอยากเข้ามาอาศัยพระบรมโพธิสมภารเช่นเดียวกับคนไทย พวกเขายังเลือกมาอาศัยในประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ
แต่สำหรับการจะอยู่เมืองไทยต่อไปขอซูจึงเป็นอะไรที่ทนไม่ได้อีกต่อไป ถึงแม้จะมีอะไรดึงรั้งเธอไว้อยู่ตลอด แต่ซูคือคนที่เรียนจบต่างประเทศและต้องกลับมาหางานที่เมืองไทย สิ่งที่ซูต้องพบเจอและจัดการกับปมในใจแทบไม่ต่างจากจีน
นี่จึงทำให้เราตั้งคำถามว่าเมืองต่างจังหวัดต้องการการกระจายอำนาจจากกรุงเทพฯ ไปสู่ภูธรหรือไม่ เพราะเป็นที่ชัดเจนว่าผลจากแพร่ขยายของทุนนิยมเข้ามาต่างจังหวัดทำให้ผู้คนแตกกระจายไม่ต่างกัน ไม่ว่าจีนหรือซู พวกเธอต่างก็ต้องการออกจากกรุงเทพฯ/เมืองจันทบุรี และเลือกเชื่อมต่อตัวเองในฐานะพลเมืองโลก มากกว่าคนไทย คนกรุงเทพฯ หรือคนจันทบุรี เบลเลือกที่จะหาแฟนชาวต่างชาติ เหมือนป้าสมหมาย คำสิงห์นอก
ซูที่กำลังจะได้ไปเมืองนอก และต่อมาหลังจากไปพบร่างทรงต้มตุ่น เธอฉีกเอกสารทิ้ง ก่อนจะตัดสินใจเป็นนักศึกษาแถวบ้าน สืบสานแกงพื้นถิ่น ก่อนจะรู้ว่าเรื่องของแม่เธอคือคำโกหกพกลม หัวใจของแม่เธออยู่ในร่างหญิงสาวที่กำลังแตกสลายไม่ต่างจากเธอ ใบหน้าของเธอขณะนั่งบนเครื่องเล่นหมุนวนจึงไม่ต่างจากใบหน้าของจีนเมื่อเธอจ้องมองเปียโนที่หายไป ความชงนสงสัย พะว้าพะวัง กับเส้นทางชีวิตที่ดำเนินผ่านมาและผ่านไป
ตำนานจับนมของย่าของเบล ย่าที่ครั้งหนึ่งเป็นหญิงสาวที่ฝังจำคำสัญญาของชายหนุ่มว่าเธอจะได้พบเขาอีกครั้ง จูบแรกที่เธอเสียให้เขา แลกกับปมในใจที่เก็บไว้ชั่วชีวิตเธอ ความทรงจำที่ผุดพรายขึ้นมาท่ามกลางความทรงจำอื่นๆที่ซีดจางไปเพราะโรคสมองเสื่อม นี่เหมือนเป็นโรคพันธุกรรมของความสับสนผิดหวังที่แพร่พันธุ์ทางสายเลือดจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่น จากคนแก่สู่หนุ่มสาว ความทุกข์ระทมที่ไม่อาจแก้ได้ด้วยแนวคิดรัฐแบบอื่นจากตะวันตก
ตราบใดที่พวกเรายังอยู่ภายใต้สิ่งที่เรียกว่ารัฐ ความโศกเศร้าก็ยังคงถ่ายทอดต่อไป ไม่ว่าจะศรัทธาต่อพระพุทธองค์แล้วเปลี่ยนเป็นพระแม่มารีย์ นั่นก็เป็นเพียงแต่เปลี่ยนรูปกายของยูโทเปียให้เราดีอกดีใจ ประหนึ่งได้พบแม่ที่จากไปอีกครั้งเท่านั้นเอง