คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2564
การให้ความยินยอมของคู่สมรสในการทำนิติกรรมเกี่ยวกับการจัดการ
สินสมรสอยู่ในบังคับบทบัญญัติมาตรา 1476 ที่กำหนดให้เฉพาะการจัดการ
สินสมรสที่มีความสำคัญตามมาตรา 1476(1) ถึง (8) ต้องได้รับความยินยอม
จากคู่สมรสอีกฝ่าย สำหรับการทำนิติกรรมในส่วนที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญา
ค้ำประกันจำเลยที่ 1 หาได้อยู่ในบังคับมาตรา 1476 หรือเป็นการจัดการ
สินสมรสโดยตรงไม่ กรณีจะเป็นหนี้ร่วมต่อเมื่อจำเลยที่ 3 คู่สมรสได้ให้
สัตยาบันตามมาตรา 1490(4) เท่านั้น แต่การที่จำเลยที่ 3 คู่สมรส
ให้ความยินยอมในการทำนิติกรรม ตามหนังสือให้ความยินยอมของ
คู่สมรสในการทำนิติกรรม ที่ข้อความระบุว่า คู่สมรสขอให้ความยินยอม
ต่อการที่คู่สมรส ทำคำขอ สัญญา ข้อตกลงเกี่ยวกับการขอใช้สินเชื่อทุกลักษณะ
หรือนิติกรรมใดๆ กับโจทก์ อันมีลักษณะเป็นการให้ความยินยอมไว้
เป็นการทั่วไป ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารับรู้ที่จำเลยที่ 2 สามีไปทำนิติกรรม
หาใช่เป็นการให้สัตยาบันตามนัยของบทบัญญัติมาตรา 1490(4) ไม่
เนื่องจากไม่มีข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์แต่อย่างใดว่าจำเลยที่ 3 รับรอง
การที่จำเลยที่ 2 ก่อหนี้ขึ้นแล้วตามมูลหนี้ที่มีการทำสัญญาค้ำประกัน
จำเลยที่ 1 คงปรากฏเฉพาะการที่จำเลยที่ 3 รับรู้ถึงการเข้าทำสัญญาค้ำประกัน
ของจำเลยที่ 2 เท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 3 ไม่ได้ให้สัตยาบันการก่อหนี้ตาม
สัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ 2 คู่สมรสได้กระทำไป จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้อง
ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1